ท่านโกเอ็นก้านี่
ไม่ใช่เป็นคนพม่าโดยสายเลือดนะครับ แต่เป็นคนอินเดียที่เกิดในประเทศพม่า
หรือเมี้ยนม่าร์ในปัจจุบันนี้ ชื่อเต็มๆ ของท่านก็คือ ท่านอาจารย์สัตยา นารายัน โกเอ็นก้า” (S.N. Goenka)
จากการอ่านประวัติของท่านโกเอ็นก้า
ไม่มีเอกสารชิ้นใดที่บอกว่า ท่านโกเอ็นก้าเป็นชาวพม่า เชื้อสายอินเดีย
ได้แต่พูดว่า ท่านเป็นคนอินเดีย ที่เกิดในพม่า
ถ้าจะพูดกันจริงๆ
เราก็ต้องพูดว่า ท่านโกเอ็นก้าเป็นคนพม่า เชื้อสายอินเดีย เพราะเกิดที่พม่า
เหมือนพวกคนไทย เชื้อสายจีนอย่างพวกคนรวยๆ ในเมืองไทย เช่น เจ้าสัวธนินทร์ เป็นต้น
รู้สึกว่า
ท่านโกเอ็นก้าจะรังเกียจการเป็นคนพม่าเอามากๆ ทั้งๆ
ที่การปฏิบัติธรรมที่ท่านไปร่ำเรียนมา ก็เป็นของพม่า
อาจารย์ของท่านโกเอ็นก้า
คือ ท่านอาจารย์อูบาขิ่น (Sayagyi
U Ba Khin) ข่าวว่า เป็นวิปัสสนาจารย์ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งในพม่าเลยทีเดียว
ถ้าเป็นสายปฏิบัติธรรมมาจากพม่า
ไม่ต้องไปพูดถึงการปฏิบัติธรรมแบบใดๆ พม่ามีอย่างเดียวคือ สติปัฏฐาน 4 แบบตาบอด
อย่างที่รู้ๆ
กัน สติปัฏฐาน 4 มี ดังนี้
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน [กาย
+ อนุปัสนา+ สติปัฏฐาน]
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน [เวทนา+
อนุปัสนา+ สติปัฏฐาน]
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน [จิต+ อนุปัสนา+ สติปัฏฐาน]
ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน [ธรรม+
อนุปัสนา+ สติปัฏฐาน]
อนุปัสนา
แปลว่า ตามเห็น, เห็นเนืองๆ แต่พวกไม่ยอมเห็นจะแปลเป็น
“พิจารณาเห็น” แล้วก็ตีความให้ผิดเพี้ยนไปอีก
เป็น “เข้าใจ” ไม่มีการเห็นใดๆ
ผมจึงบอกว่า
“พระพม่าตาบอด” สติปัฏฐาน 4 ของพระพม่าที่เข้ามาในเมืองไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน [กาย
+ อนุปัสนา+ สติปัฏฐาน]
เช่น
สายยุบหนอพองหนอ ของวัดมหาธาตุ
สายนามรูปของอุบาสิกาแนบ สายของวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง
แต่สติปัฏฐาน
4 ของท่านโกเอ็นก้านี่
เพิ่มความทรมาณแบบซาดิสม์ไปด้วย คือ ท่านไปเล่น เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน [เวทนา+
อนุปัสนา+ สติปัฏฐาน]
แต่ก็เล่นแบบตาบอดเหมือนเดิม
คือ ไม่ยอมเห็น แต่ให้คนฝึกทรมาทรกรรมกับความเจ็บปวด ดังนั้น
การฝึกตามแบบของท่านโกเอ็นกา ก็คือ สติปัฏฐานแบบซาดิสม์
ท่านอาจารย์อูบาขิ่น
(Sayagyi
U Ba Khin) นี้ จัดอบรม 10 วัน
ตอนที่ท่านโกเอ็นก้าเข้าไปรับการฝึกนั้น ท่านบรรยายไว้ดังนี้
“ใน 10 วันนั้น
ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นว่า วิธีการนี้เป็นวิธีการที่มีเหตุมีผล ปฏิบัติได้จริง
ทั้งยังเป็นวิทยาศาสตร์ และมุ่งประโยชน์แห่งการปฏิบัติ
มิได้มุ่งให้เราเกิดศรัทธาความเชื่ออันมืดบอดอย่างเดียว
ทำให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระจากโรคภัยไข้เจ็บ
รู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งในความสงบ และได้ตระหนักว่า สิ่งที่ทำให้หายจากโรคไมเกรนนั้น
อันที่จริงก็คือ
การที่ข้าพเจ้าสามารถขุดรากของกิเลสบางอย่างในตัวข้าพเจ้าได้
เดิมทีข้าพเจ้าเป็นคนที่มีโทสะมาก วู่วาม
และเป็นคนมีอัตตาสูง แต่ในการอบรม 10 วันนี้
ได้ทำให้ข้าพเจ้าสามารถที่จะควบคุมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
|
ท่านได้เล่าถึงวิธีการที่ได้รับการอบรมว่า
“ตอนที่เข้ารับการอบรมใหม่ๆ
เข้าใจว่าคงจะมีการให้บริกรรมคำสวดบางอย่าง แต่อันที่จริงแล้วไม่มีเลย
ไม่มีการบริกรรมคำใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่มีแม้การสร้างภาพ
เพียงแต่ให้เราเฝ้าสังเกตลมหายใจที่เข้าออกอย่างเป็นธรรมชาติเท่านั้น
นี่คือสมาธิ
ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนที่สำคัญ คือ วิปัสสนาด้วยการสังเกตเวทนา
หรือความรู้สึกทางกายอันเป็นหนทางนำไปสู่ปัญญา คือ การรู้แจ้งในความเป็นอนิจจังหรือความไม่เที่ยง
ซึ่งวิธีการสังเกตเวทนานี้เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงประทานให้แก่มนุษยชาติเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการนำตนให้พ้นทุกข์”
|
ขอให้ดูข้อความที่เน้นสีแดง ท่านโกเอ็นก้านี่ โกหกแน่ๆ
แต่จะเจตนาหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ข้อความที่ว่าดังนั้น ผิดหลายประการ
1) วิปัสสนา แปลว่า เห็นแจ้ง พวกนี้ไม่ยอมเห็นใดๆ
2)
“วิปัสสนาด้วยการสังเกตเวทนา”
จึงเป็นไปไม่ได้ คือ ไม่เห็น
แต่ทนความเจ็บปวดเอา
ความเจ็บปวดแบบซาดิสม์นั้น
เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
3)
“เป็นหนทางนำไปสู่ปัญญา คือ
การรู้แจ้งในความเป็นอนิจจังหรือความไม่เที่ยง” อันนี้ก็ไม่จริง การเป็นคนซาดิสม์ทนความเจ็บปวดเพื่อเอามันนั้น
ไม่ได้ทำให้เกิดปัญญาใดๆ
แต่จะมีความสุขว่า
“กูทำได้” หลังการฝึกไปแล้ว กิเลสยังคงเหมือนเดิม ได้แต่หลอกตัวเอง โดยการชี้นำว่า กิเลสลดลง
Casino Site Review, Bonus Offers, Banking and more!
ตอบลบOnline casino with the best febcasino games and promotions - No choegocasino sign up! We have listed the top casinos online in 1xbet our Casino Site review.