บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

กิจกรรม 10 วันกับโกเอ็นกา

เรามาดูกิจกรรมการอบรม 10 วันของท่านโกเอ็นก้า  กระทู้ชื่อ “วิเคราะห์วิปัสสนา (แบบของท่านโกเอ็นก้า).จากประสบการณ์ของนักวิทยาศาสตร์” ของคุณปูนิ่มกันต่อ

บทความที่แล้ว ผมสันนิษฐานไปแล้วว่า คุณปูนิ่มแกโกหกว่าเป็นหมอ จบด็อกเตอร์ เป็นนักวิจัย เพราะ ข้อเขียนของแกชี้ไปทำนองนั้น

วันนี้มาวิพากษ์วิจารณ์กิจกรรม 10 วันกัน

การปฏิบัติเป็นเวลา 10 วัน ตื่นตีสี่ นอนสามทุ่มครึ่ง  ทุกวันปฏิบัติสิบสองชั่วโมงครึ่ง (หลับตาทำสมาธิ) พักตามเวลาอาหารเช้า กลางวัน เย็น (รวมเวลาลืมตาห้าชั่วโมงในหนึ่งวัน)

ข้อบังคับ ต้องถือศีลห้า
ห้ามพูดตลอดเวลาเก้าวันครึ่ง ให้ถามปัญหาในการปฏิบัติกับอาจารย์เท่านั้น
ห้ามใช้วิธีอื่นในการปฏิบัติ ห้ามบริกรรม ห้ามสวดมนต์ ห้ามเดินจงกรม
ค่าใช้จ่ายฟรีทั้งหมด ผู้ปฏิบัติต้องเข้าใจว่า ตนเป็นผู้ที่กำลังใช้ “ทาน” ที่ผู้อื่นได้บริจาคให้
เราว่า ฉลาดมาก คนที่มาปฏิบัติจะบ่นว่าที่พักไม่ดี อาหารไม่อร่อยได้ไง กำลังใช้ของที่เขาบริจาคให้อยู่

ขอให้ดูข้อความสีแดงที่ผมเน้นไว้ กับข้อความต่อไป เพราะว่า มันขัดกัน

เริ่มทำอาณาปานสติ คือการดูลมหายใจเข้าออก (สามวันครึ่ง) ห้ามพูดว่า พุท-โธ   ยุบหนอ-พองหนอ  หายใจเข้า-หายใจออก หรืออะไรทั้งสิ้น ดูด้วยความรู้สึกของธรรมชาติเท่านั้น

จะเห็นว่า การปฏิบัติธรรมแบบโกเอ็นก้านั้น ใช้การพิจารณาลมหายใจเข้าออก เป็นเวลา 3 วันครึ่ง ซึ่งการพิจารณาลมหายใจแบบพุทโธนั้น ถึงไม่ต้องบริกรรมภาวนาว่า “พุทโธ” มันไม่ใช่ “เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน

แล้วคุณปูนิ่มแกไปเชื่อได้อย่างไรว่า “ห้ามใช้วิธีอื่นในการปฏิบัติ

วันแรกนั่งๆ หลับตานิ่งๆ ไม่เป็นเลย กลัวคนข้างๆ ด่ามาก ว่ารบกวนสมาธิ อีนี่แก่แล้วยังเป็นลิง ไม่รู้จักนิ่ง โชคดีจังที่เขาห้ามพูด

พออ่านมาถึงตอนนี้แล้ว  ยังไงๆ ผมก็ว่า คุณปูนิ่มแกโกหกแน่ๆ คนที่เป็นนักวิจัย สำนวนภาษาทำไมมันไม่ได้เรื่องถึงขนาดนี้

คำถามแรก.......อาจารย์คะ ขอถามแบบโง่ๆ ของคนไม่เคยปฏิบัติเลยนะคะ อย่าว่าแต่จะหาลมหายใจเลย เวลาเราหลับตาแล้วเราก็หาจมูกไม่เจอแล้วค่ะ ไม่ทราบว่า อยู่ตรงไหน
ตอบ................ก็อยู่ใต้ตาไงล่ะ ลองหลับตาลงแล้วก็จะรู้ว่าจมูกมันอยู่ใต้นั้น
(คิด.................ตอบง่ายจริง และจริงๆ ด้วยแฮะ รู้ได้จริง เรามัวแต่สร้างภาพว่าจมูกมันอยู่ข้างหน้า แต่ตรงไหนไม่รู้)

นี่ก็เป็นข้อเขียนที่ “โง่ๆ” อีกครั้งหนึ่งของคุณปูนิ่ม  ถ้าเป็นผมเป็นคนตอบนะ คงจะตอบแบบนี้

“อีควาย จมูกมึงอยู่กับมึงมาตลอดชีวิต พอหลับตาแล้วทำตอแหลหาจมูกไม่เจอ มึงก็กลับบ้านไปเหอะ”

ขอชี้แจงว่า ท่านโกเอ็นก้าไม่ได้ปฏิเสธวิธีปฏิบัติแบบอื่นๆ เลย ท่านขอแต่ว่าเวลาที่มาลองวิธีของท่านอย่าเพิ่งเอาวิธีอื่นเข้ามาปน

คุณอาจสับสนและบอกไม่ได้ว่าวิธีนี้ได้ผลหรือไม่  ถ้าไม่ได้ผลกับคุณก็ทิ้งวิธีนี้ไป

ข้อความตรงนี้ ก็แสดงความทั้งโง่ และปัญญาอ่อนของคุณปูนิ่มอีกครั้งหนึ่ง  เพราะ การที่เราสอนปฏิบัติธรรมแบบหนึ่งอยู่  เราก็ต้องบอกว่า “อย่าเพิ่งเอาวิธีการอื่นมาปฏิบัติ” 

ถ้าทำอย่างนั้น มันจะล้มเหลว ผิดหลักการเรียนการสอน  ไม่ว่าสายไหนก็ต้องทำอย่างนั้น

และส่วนใหญ่ที่จะพูดอย่างนั้น ก็ต้องเป็นการอบรมปฏิบัติธรรมในลักษณะที่ว่า คนเข้ามายังไม่รู้ว่าเป็นการอบรมสายไหน

แต่การอบรมแบบโกเอ็นก้านั้น  ส่วนใหญ่คนตั้งใจไปปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะต้องสมัครไป แล้วจะพูดอย่างนั้นออกมาหาพระแสงด้ายาวไปทำไม

บ่ายวันที่สี่ เริ่มทำวิปัสสนา เป็นการสังเกตดู ความรู้สึกที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย

เริ่มด้วยส่วนเล็กๆ ที่ละส่วน ตามด้วยส่วนที่เป็นคู่สมมาตรกัน แล้วตามด้วยการสแกนตลอดร่างกายให้เหมือนเทน้ำราดหัวจรดเท้า สลับกันไป

ตรงนี้เป็นการยืนยันชัดเจนว่า การปฏิบัติธรรมแบบโกเอ็นก้า ก็เป็นวิปัสสนาตาบอดเหมือนกับสายของพระพม่าอื่นๆ  คือ ไม่มีการเห็น (Sighting) จริงๆ  แต่ใช้ “ความรู้สึก” เอา  

ถ้าจะพูดกันอย่างฟันธงจริงๆ  การปฏิบัติธรรมแบบโกเอ็นก้าไม่ควรจะนับเป็นการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ และก็ไม่ควรเป็นการปฏิบัติธรรมใดๆ ทั้งสิ้น

การปฏิบัติธรรมแบบโกเอ็นก้าเกิดขึ้นมาเพราะ “ความงมงายในวิทยาศาสตร์” ของพระพม่า  จึงเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาปะปนกับการปฏิบัติธรรม จนการปฏิบัติธรรมแบบพระพม่าเปลี่ยนไปจนไม่สามารถทำให้ใจหยุดนิ่งได้

ท่านผู้อ่านลองคิดดู  การที่เราเอาใจพิจารณาสังเกตร่างกายไปเรื่อย เดี๋ยวเจ็บตรงโน้น  เดี๋ยวปวดตรงนี้ เมื่อไหร่ใจมันจะหยุดนิ่งได้

การปฏิบัติแบบนี้เหมาะสำหรับพวกซาดิสม์ที่ชอบความเจ็บปวดเท่านั้น

ในแต่ละวันจะมีการนั่งแบบไม่เปลี่ยนท่านั่งตลอดหนึ่งชั่วโมง สามครั้ง ลองทำดูก็ได้ว่ายากไหม

จากคนที่เคยนั่งเหมือนลิง สามารถทำได้ในวันที่ห้า ..... งงจริงๆ ทำได้ทุกครั้งเลย ทำได้นานที่สุดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง

โดยสรุป คุณปู่นิ่มหมอปลอม ด็อกเตอร์โง่คนนี้  แกคงหาแนวทางให้หลานไม่ได้แน่ๆ เพราะ เด็กๆ นั้น  ถ้าจับมาให้ทำแบบนี้  คงร้องบ้านแตกแน่ๆ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น